Shopping Cart

ทำไม!! กินน้อยก็ยังอ้วน?

หลายๆ คนยังคงเข้าใจว่า การลดน้ำหนัก ต้องทานให้น้อย น้ำหนักถึงจะลง ในช่วงแรกมันได้ผลน้ำหนักลงเราก็หลงดีใจกันไป และคิดว่ามาถูกทางกัน แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก น้ำหนักกลับคงที่เผลอๆ มันกลับเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ นั่นสิมันเป็นเพราะอะไร?

วันนี้เราจะมาดูถึงเหตุผลว่าทำไม เพราะอะไร ทำไมร่างกายไม่เผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานจนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาอีกด้วย

ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักแคลอรี่กันก่อน มันคือหน่วยวัดพลังงานที่เราได้จากอาหาร ทีนี้เราต้องรู้ว่า ร่างกายของเรา จะเอาแคลอรี่ไปใช้ทำอะไรกันบ้าง

  • Basal Metabolic Rate (BMR) คือ ปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายนำไปใช้ในกระบวนการต่างๆ เพื่อการอยู่รอด เช่น การทำงานของสมอง ไต หัวใจ และระบบประสาท เป็นต้น
  • ระบบย่อยอาหาร (Digestion) ร่างกายต้องการพลังงานแคลอรี่ไปใช้ในการย่อยอาหาร ยิ่งบางชนิดที่ใช้เวลาย่อยนาน เช่น อาหารที่มีโปรตีนสูงๆ ร่างกาย ก็ต้องใช้พลังงานแคลอรี่เยอะขึ้นในการย่อย เรียกว่า Thermic Effect Of Food (TEF)
  • กิจกรรมในชีวิตประจำวัน (Daily Physical Activites) ร่างกายเราต้องการพลังงานแคลอรี่สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่นการออกกำลังกาย เดินขึ้นบันได และทำงานบ้านเป็นต้น

ถ้าร่างกายเราได้รับพลังงานแคลอรี่มากกว่าที่ต้องการ เราก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น และน้ำหนักที่เพิ่มขี้นมาส่วนใหญ่ จะอยู่ในรูปแบบของ ไขมันในร่างกาย (Body Fat) จึงทำให้หลายๆ คนเข้าในว่าต้องกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ หรือต้องการ มันถูกต้อง แต่..น้ำหนักเราจะไม่ลด เผลอๆ จะเข้าสู่สภาวะของ “โยโย่เอฟเฟ็ค” และมีปัญหาสุขภาพได้ เช่น ประจำเดือนขาด และกระดูกอ่อนแอ ถ้าเรากินอาหารน้อยเกินไป

และเหตุผลว่าทำไมกินน้อยถึงทำให้เราอ้วนขึ้น สุขภาพร่างกายพัง

  1. การกินน้อย ทำให้ระบบเผาผลาญพัง (Lower Your Metabolism) การที่เรากินน้อยตั้งแต่เริ่มต้นของการลดน้ำหนัก มันจะส่งผลทำให้ระบบเผาผลาญพัง หรือ ระบบเมตาบอลิซึมทำงานช้าลงเรื่อยๆ นักวิจัยพลว่า การกินน้อยเกินไป โดยเฉพาะกินน้อยกว่า 1,000 แคลอรี่ต่อวัน อาจจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลงมากถึง 23% เลยทีเดียว ไม่เทียงแต่เท่านั้น ระบบเผาผลาญที่พัง อาจจะต้องใช้เวลาแก้นานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเราจะเลิกกินน้อยก็ตาม บางคนอาจจะใช้เวลานานถึง 1-2 เดือน บางคนอาจใช้เวลาเป็นปี งานวิจัยพบอีกว่า กว่า80% ของคนที่กินน้อยจนระบบเมตาบอลิซึมทำงานช้าลง จะเกิดภาวะ “โยโย่เอฟเฟ็ก” อีกด้วย การกินอาหารไม่ควรกินน้อยเกินไป อย่างน้อยๆ ให้กินเท่ากัยค่า BMR เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนสูง ตั้งเป้าประมาณ 1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  2. การกินน้อย ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร เหนื่อยง่าย และดูโทรม เพราะการกินน้อยกว่าที่ร่ากายต้องการ จะทำให้เราเหนื่อยล้า ร่างกายโทรม และการขาดสารอาหารต่างๆ เช่น กินน้อยทำให้ร่างกายอาจจะขาดธาตุเหล็ก กรดโฟลิก หรือวิตามินบี12 ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย และโทรม อาจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ด้วย เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารสำคัญที่ควรได้รับ อย่าง โปรตีน แคลเซียม ไบโอติน และไทอามีน วิตามินเอ แมกนีเซียม
  3. กินน้อยอาจทำให้ประจำเดือนขาด สำหรับคุณผู้หญิง จะมีผลโดยตรงต่อระดับฮอร์โมนเพศ จนทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และมีบุตรยากได้ ซึ่งการกินน้อยมีผลโดยตรงต่อระดับลูทิไนซิงฮอร์โมน ผู้หญิงที่กินน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ 22-42% จะมีปัญหาประจำเดือนได้ เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำเกินไป ทำให้มีปัญหากระดูก และหัวใจตามมาได้อีกด้วย
  4. การกินน้อยทำให้สูญเสียมวลกระดูก เพราะการกินน้อยมีผลต่อระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน และเทสทอสเตอโรน ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีส่วนสำคัญในการสร้างมวลกระดูก และจะทำให้ร่างกายเครียด ทำให้ฮอร์โมนเครียดหลั่งออกมามากจะทำให้สูญเสียมวลกระดูกมากขึ้นด้วย
  5. การกินน้อยทำให้ป่วยง่าย ร่างกายอ่อนแอ กินน้อยมันมีผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย จากงานวิจัยนักกีฬาที่ลดน้ำหนักก่อนเข้าแข่งขัน เช่นนักมวย พวกเขาจะเสี่ยงที่จะติดเชื้อ และป่วยง่ายกว่าปกติ 2-3 เท่าเลย

และทั้งหมดนี้ว่าทำไมกินน้อยถึงทำให้อ้วน เราควรปรับเปลี่ยนการกิน โดยเริ่มต้นจากทานอาหารให้ครบมื้อ ครบ 5 หมู่ แต่เลือกทานที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด และให้ผลเสียต่อร่างกายน้อยสุด เลือกทานโปรตีน ผัก ให้มากขึ้น และควรออกกำลังกายบ้างเท่าที่เรามีเวลา อีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมกับสภาวะในปัจจุบันบางคนเวลาอาจจะเร่งรีบ จนละเลยไป อาจจะเลือกอาหารเสริมที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้ครบถ้วน แลุะอาหารเสริมที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญให้ทำงานได้มากขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

หน้าแรก
สินค้าทั้งหมด
โทรสั่งสินค้า
แอดไลน์
แจ้งชำระเงิน