พูดถึง คอลลาเจน นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่ ด้วยเรื่องคุณสมบัติที่สามารถดูแลเรื่องผิวพรรณ ลดอายุ แต่จริงๆ แล้วคุณสมบัติของคอลลาเจนมันมีมากกว่านั้นเยอะมาก ที่บางคนอาจจะยังไม่รู้ หน้าที่ของคอลลาเจน ยังมีช่วยเรื่องการสร้าง และซ่อมแซมกรุดูกอ่อน ลดความเสื่อไขข้อในผู้สูงอายุ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับคอลลาเจนกันใหัมากขึ้น ว่าแต่ละประเภทนั้นช่วยในเรื่องอะไรกันบ้าง
มาทำความรู้จักกับคอลลาเจน “คอลลาเจน” คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่คล้ายกาวช่วยยึดเกาะอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน เส้นผม กระดูกอ่อน ข้อต่อ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ รวมถึงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนร่างกายเราสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ แหล่งที่มาของโปรตีนที่เราจะได้นั้นมาจากการรับประทานอาหาร เช่น โปรตีนจากสัตว์ ปลา พืช นม ซึ่งจะย่อยสลายแตกตัวและก่อตัวขึ้นใหม่ กายเป็นเส้นใยโปรตีน หรือคอลลาเจน ทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น เต่งตึง เรียบเนียน ปกป้องความแข็งแรงให้กับกระดูกอ่อน ซึ่งร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้มากน้อยนั้น มีปัจจัยหลักคืออายุ เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ยิ่งอายุมากกกว่า 30 ปี ขึ้นไป การสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลงและเสื่อมสภาพได้ง่าย
ชนิดของคอลลาเจน “คอลลาเจน” เส้นใยโปรตีนประเภทหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดของร่างกาย ในปัจจุบัน มีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 18 ชนิด แต่ที่พบมากสุด 5 ชนิด
- คอลลาเจน (Type I) พบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยสร้างกระดูก ผนังหลอดเลือด เอ็น และเอ็นยึดกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จะมีความเหนียวและความแข็งแรงมากสุด เพื่อป้องกันการฉีดขาดของเนื้อเยิ่อ ช่วยสมานแผลบนผิวหนังได้ดี ใครที่มีคอลลาเจนชนิดนี้มากจะผิวเนียน ไร้ริ้วรอยจนั่นเอง
- คอลลาเจน (Type II) จะพบมากที่กระดูกอ่อน เช่น หู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่แตกต่างจาก Type I จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อการลดอัตราเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ คอลลาเจนชนิดนี้จะพบได้ในกระดูกอ่อน และหมอนรองกระดูกสันหลัง รองรับน้ำหนัก และให้ความแข็งแรงแก่ข้อต่อในชณะที่มีการเคลื่อนไหว จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภาวะโรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบ
- คอลลาเจน (Type III) มักจะพบอยู่ร่วมกับประเภท Type I คือ ผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวกันในร่างกาย ส่วนมากพบในผนังหลอดเลือด แต่พบได้น้อยในข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนชนิด II
- คอลลาเจน (Type IV) ตัวนี้จะพบใน Basallamina และ basementmembrane ในส่วนของ epithelium-secreted layer เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้ามกล้ามเนื้อ และไขมันนอกจากนี้ ยังช่วยเรื่องระบบประสาทและเส้นเลือดอีกด้วย
- คอลลาเจน (Type V) เป็นคอลลเจนที่เป็นองค์ประกอบองเยื่อบุเซลล์ พบในผิวของเซลล์ และเส้นผม
อายุกับการเสื่อมของคอลลาเจน
- อายุ 30 – 39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ บริเวณหน้าผากมีริ้วเล็ก ใต้ของตาล่างและหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้ม ร่องระหว่างคิ้วเวลาแสดงสีหน้า ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก ขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดเจนขึ้น
- อายุ 40 – 49 ปีรอยย่อนบนใบหน้าจะเห็นชัดเจนขึ้น มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้น ผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่ และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะตกกระ
- อายุ 50 – 64 ปี สภาพผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40 – 49 ปี รอยย่อนตามร่องแก้มจะลึกทอดยาว ไปถึงมุมปาก มีฝ้าและติ่งเนื้อขนาดใหญ่ขึ้น เพราะคอลลาเจนเสื่อมลงอย่างมาก
- อายุ 65 ปี ผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากมีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ส่วนความเสื่อมการเปลี่ยนแปลงจะเหมือนวัย 50 -64 ปี
ซึ่ีงจะเห็นได้ว่าคอลลาเจน มีบาทบาทต่อร่างกาย และเป็นสารตั้งต้นต่าง ๆ ในร่างกาย แต่เมื่ออายุเรามากขึ้น การสังเคราะห์ที่ลดน้อยลงจึงทำให้เกิดภาวะความเสื่อมถอยของ ผิวพรรณ เนื้อเยื่อ กระดูกข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่เราสามารถจะเลือกดูแลตัวเองได้ ซึ่งแหล่งที่มาของคอลลาเจน ก็จะมีอยู่มากในปลาทะเล และการเลือกสรรอาหารเสริมคอลลาเจนก็เป็นอีกทางเลือกที่จะดูแลตัวเองได้ง่ายๆ ซึ่งประมาณการรับคอลลาเจนเข้าร่างกายแล้ว เพียง 2.5-5 กรัมต่อวัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการดูดซึ่งให้ร่างกายนำไปใช้