เมล็ดกาแฟสีเขียว ที่ไม่ผ่านการคั่ว (Green Coffee Bean) จะมีสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า โพลีฟีนอล คือ กรดคลอโรเจนิค (Chlorogenic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีมากในเมล็ดกาแฟที่ไม่ผ่านการคั่ว และสารตัวนี้ที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการลดไขมันในร่างกาย
ด้วยสาร โพลีฟีนอล ที่มีในเมล็ดกาแฟสีเขียว เมื่อนำมาสกัด จะได้ กรดคลอโรจีนิค ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก และช่วยยับยั้งการสะสมไขมัน
ประโยชน์ของ กรีนบีนคอฟฟี่ มงานวิจัยเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟดิบ ที่มีหลักฐานแสดงว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ นอกจากนี้เมล็ดกาแฟดิบนั้นยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย
- ลดน้ำหนัก สำหรับผู้กำลังลดน้ำหนัก การทานเมล็ดกาแฟดิบสารสกัดจากเมล็ดกาแฟดิลมีส่วนในเรื่องของระบบทางเดินอาหารมีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก
- โรคเบาหวาน กรดคลอโรเจนิก ที่มีอยู่มากในเมล็ดกาแฟดิบนั้น โพลีฟีนอลเป็นสารเคมีจากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งไม่เพียงแต่ต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ แต่ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีอีกด้วย
- ความดันโลหิต จากการศึกษา พ.ศ.2549 พบว่าเมล็ดกาแฟดิบนั้นมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต จากศึกษาผู้ที่ได้รับสารสกัดจากกาแฟดิบ 140 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลานาน 12 สัปดาห์พบว่ามีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่แพ้คาเฟอีนในกาแฟคั่วควรระมัดระวังการรับประทานสารสกัดจากกาแฟดิบด้วยเช่นกัน
- โรคอัลไซเมอร์ กรดคลอโรเจนิก ที่ีมีอยู่ในเมล็ดกาแฟดิบมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทที่อ่อนแอ ซึ่งมีส่วนในการปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงที่จะทำให้หงุดหงุด
- มีฤทธิ์ต้ารนอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่า เมล็ดกาแฟดิบนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง ซึ่งช่วยลดการอักเสบเรื้อรังที่สามารถทำลายเซลล์ และเป็นตัวการสำคัญในภาวะทางสุขภาพ เช่น มะเร็ง โรคไขข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคแพ้ภูมิตัวเอง
ข้อควรระวังในการรับประทานกาแฟดิบ
เนื่องจากปัจจุบันยังมีการวิจัยเรื่องเมล็ดกาแฟดิบอย่างจำกัด แต่จากการวิจัยที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากเมล็ดกาแฟดิบนั้นมีความปลอดภัยที่ดี ซึ่งผลกระทบที่พบได้ในผู้บริโภคปริมาณมาก ได้แก่ ความวิตกกังวล ความกระวนกระวาขใจ และหัวใจเต้นเร็ว เนื่องจากประมาณคาเฟอีนในประมาณที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากต้องการซื้อมารับประทานควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถี่ถ้วนก่อนบริโภค